วันเสาร์, 7 กันยายน 2567

ปิดพุทธสถานเชิงผาวัดเขาพระทองชั่วคราว เร่งระดมปัจจัยให้ฯ ทีมช่างกรมทางหลวง เร่งบูรณะเร่งด่วนทันทีคาดใช้เวลา 10 วัน

 

จากกรณีที่พระมหาอารยนันท์ อานันโท เจ้าอาวาสวัดเขาพระทอง หมู่ 1 ต.เขาพระทอง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ได้แจ้งขอความช่วยเหลือเนื่องฝนตกหนักติกดต่อกันหลายวันทำให้พื้นดินใต้พุทธสถานเชิงผา วัดเขาพระทอง สถานที่ประดิษฐานหลวงพ่อองค์ใหญ่ พระพุทธรูปโบราณ อายุกว่า 800 ปี และพระพุทธรูปโบราณอายุรุ่นราวคราวเดียวกันรวม 29 องค์ สูงจากพื้นดินขึ้นไปประมาณ 25-30 เมตร ได้ไสลพังถล่มลงมาเบื้องล่าง ส่งผลให้พื้นปูนและลานกว้างหน้าหลวงพ่อองค์ใหญ่ที่เป็นพื้นคอนกรีตกระเบื้องพังะล่มลงมาได้รับความเสียหายบางส่วน ราวเหล็กกั้นริมหน้าผาก็พังถล่มลงมาเสียหายยับเยินด้วย หวั่นเกรงว่าหลวงพ่อองค์ใหญ่และพุทธรูปโบราณมรดกล้ำค่าทางพระพุทธศาสนาจะพังถล่มได้รับความเสียหาย เหตุเกิดเมื่อเช้าวันที่ 18 พ.ย. 2566ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
(19 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวงานว่าสำหรับวัดเขาพระทอง ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ได้มาเป็นประธานเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ทางพระพุทธศาสนา อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังเกิดเหตุ ประชาชนชาวพุทธในละแวกใกล้เคียงจำนวนมากที่ทราบข่าวต่างทยอยเดินทางมาดูและตรวจสอบ โดยพบว่าดินใต้ฐานลานพุทธสถานเชิงผายังค่อย ๆ พังถล่มลงมาเรื่อย ๆ จำเป็นต้องหาทางแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน ในขณะที่พระมหาอารยนันต์ อานันโท เจ้าอาวาสได้รายงานเหตุการณ์ให้ทางสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช นายวิระชัย ชุมแก้ว นายอำเภอชะอวด ทราบเพื่อรายงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับจังหวัดทราบต่อไป
ในขณะเดียวกันพระมหาอารยนันต์ ได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อขอความช่วยเหลือไปยังนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานทราบเป็นการด่วน ในเบื้องต้นนายพิพัฒน์ ได้ประสานงานนายไพจิตร แสงทอง ผอ.สำนักทางหลวงที่ 16 นครศรีธรรมราช เพื่อให้นายช่าง ฯสำนักงานแขวงทางหลวงนครศรีธรรมราชที่ 2 (ทุ่งสง) เข้าไปช่วยสำรวจตรวจสอบอย่างเร่งด่วน

 

 

ต่อมานายวิระชัย ชขุมแก้ว นายอำเภอชะอวด นายสุชาติ มีเสน กำนัน ต.เขาพระทอง นายศรากร หนูเอก รอง ผอ. สำนักงานแขวงทางหลวงนครศรีธรรมราชที่ 2 (ทุ่งสง) พร้อมทีมช่างหมวดการทางชะอวด เข้าไปตรวจสอบเบื้อง พบว่ามีความจำเป็นที่จะต้องรีบเร่งป้องกันแก้ไขโดยด่วน โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณจำนวนกว่า 3 แสนบาท
นายศรากร หนูเอก รอง ผอ. สำนักงานแขวงทางหลวงนครศรีธรรมราชที่ 2 (ทุ่งสง) กล่าวว่า การตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าความสูงของลานพุทธสถานประมาณ 6 เมตรเศษ ด้านล่างดินสไลด์พังทลายลงมาทำให้พื้นลานปูนและแนวเหล็กกั้นด้านบนพังลงมาเสียหายบางส่วน และมีแนวโน้มว่าจะพังลงมาเพิ่มเติม สุ่มเสี่ยงที่จะทำให้แนวที่ประดิษฐานหลวงพ่อองค์ใหญ่ และพระพุทธรูปโบราณ 29 องค์พังเสียหายได้ จึงต้องรีบเร่างในการแก้ปัญหา โดยการก่อกำแพงด้านหน้าสูงอย่างน้อย 3 เมตรเพื่อเป็นผนังป้องกันดินทรุดตัวและสไลด์ลงมา จากนั้นนำดินมาถมด้านในก่อนบดอัดให้แน่นก็น่าจะแก้ปัญหาได้ แต่ก็มีปัญหาเรื่องงบประมาณ ทางวัดจะต้องระดมทุนประมาณ 3 แสนบาทเพื่อดำเนินการโดยเร็วที่สุดก่อนที่พุทธสถานเชิงผาจะได้รับควสามเสียหายไม่มากกว่านี้และจะทำให้การป้องกันแก้ไขยากลำบากมากยิ่งขึ้น โดยทางสำนักแขวงทางหลวงนครศรีธรรมราชที่ 2 (ทุ่งสง) และหมวดทางหลวงชะอวด พร้อมนำเครื่องจักรกลและคนงานเข้ามาดำเนินการในทันที
ในขณะที่นายวิระชัย ชุมแก้ว และนายสุชาติ มีเสน ได้กล่าววิงวอนขอให้พุทธศาสนาชนได้ช่วยกันระดมทุนบูรณะปรับปรุงซ่อมแซมพุทธสถานเชิงผา อย่างเร่งด่วน เพื่อรักษาไว้ซึ่งหลวงพ่อองค์ใหญ่ อายุกว่า 800 ปี และพระพุทธรูปโบราณอีก 28 องค รวมเป็น 29 องค์ ให้อยู่คู่พระพุทธศาสนาอย่างยาวนานตลอดไป
พระมหาอารยนันต์ กล่าวว่า ตอนนี้มีปัญหาเรื่องงบประมาณจำนวน 3 แสนบาทที่จะดำเนินการตามที่นายศรากร หนูเอก รอง ผอ.สำนักงานแขวงทางหลวงนครศรีธรรมราชที่ 2 (ทุ่งสง) แนะนำ แต่เนื่องจากทางวัดไม่มีงบประมาณเพียงพอ ทอดกฐินสามัคคีที่ผ่านมาเมื่อ 12 พ.ย. 2566 ได้ยอดแค่ 6.5 แสนบาทเศษ ไม่เพียงพอกับการจ่ายหนี้วัสดุอุปกรณ์และค่าแรงการก่อสร้างโบสถ์เกือบ 1 ล้านบาท ต้องขอผัดผ่อนและจ่ายหนี้ไปเพียงบางส่วน เงินทอดกฐินจึงหมดไม่มีเหลือเลย

 

“ในขณะนี้สิ่งที่อาตมาเป็นห่วงมากที่สุดคือเรื่องความเสียหายที่จะเกิดกับหลวงพ่อองค์ใหญ่ และพระพุทธรูปโบราณบนพุทธสถานเชิงผา จึงอยากวิงวอนขอร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยจัดงบประมาณสนับสนุนภาระกิจป้องกันแก้ไขปัญหาพุทธสถานเชิงผาวัดเขาพระทองพังถล่มโดยเร่งด่วน หรือขออนุโมทนาบุญไปยังคนรวยใจดีเศรษฐีใจบุญยื่นมือเข้ามาช่วยสนับสนุนงบประมาณ 3 แสนบาท โดยอาตมาและทางวัดพร้อมจะเป็นหนี้เพื่อรักษาพระพุทธรูปโบราณ และจะค่อย ๆ หาทางผ่อนจ่ายให้ในภายหลัง พระมหาอารยนันต์ กล่าวอย่างน่าสงสาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทางวัดได้ประกาศปิดการขึ้นไปกราบนมัสการหลวงพ่อองค์ใหญ่และพระพุทธรูปบนพุทธสถานเชิงผาชั่วคราว จนกว่าการบูรณะปรับปรุงซ่อมแซม ฯ จะแล้วเสร็จ โดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 10 วัน ก็จะสามารถเปิดให้พุทธศาสนิกชนเดินทางขึ้นไปกราบไหว้บูชาหลวงพ่อองค์ใหญ่ได้ตามปกติ ทางวัดจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบเป็นระยะต่อเนื่อง ชาวพุทธสามารถโอนเงินสมทบทุนบูรณะพุทธสถานเชิงผาได้ที่ บัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชีวัดเขาพระทอง เลขบัญชี 822-0606738 และ ธนาคารกรึงไทย ชื่อบัญชีกองทุนสเบียงบุญสร้างโบสถ์วัดเขาพระทอง เลขบัญชี 822-0638036

ไพฑูรย์ อินทศิลา /นครศรีธรรมราช
19 พ.ย.66