วันจันทร์, 16 กันยายน 2567

ลุงตาบอด วัย 67 ปี ร้องสื่อถูกไล่ที่ ทวงความเป็นธรรมพร้อมกลุ่มชาวบ้านรวม 4 ครัวเรือน ไร้ที่อยู่อาศัย

28 ก.พ. 2023
178

วันที่ 27 ก.พ. 66 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องทุกข์จากนาย วิพันธ์ มณีวัฒน์ อายุ 67 ปี ว่า ตนเองและกลุ่มชาวบ้าน รวม 4 ครัวเรือนเกือบ 20 ชีวิต ถูกบังคับคดีไล่ที่หรือบ้านได้รับความเดือดร้อนทั้งมีพยานหลักฐานการอยู่อาศัยมาตั้งแต่บรรพบุรุษ จึงได้ลงพื้นที่ไปพบกับนาย วิพันธ์ มณีวัฒน์ หรือ ลุงพันธ์ ซึ่งพิการทางสายตา(ตาบอด)พร้อมกับกลุ่มชาวบ้าน หมู่ 4 ต.หนองยาว อ.เมือง จ.สระบุรี โดย นาย วิพันธ์ ได้นำเอกสารให้ผู้สื่อข่าวตรวจสอบพร้อมกับชี้แจง ในรายละเอียดที่ตนเองพยายามต่อสู้เรียกร้องสิทธิ์ความเป็นธรรมมาหลายครั้งแต่ก็ไร้ผล
เนื่องจากเมื่อประมาณปี 2549 มีโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินทั่วทั้งจังหวัดชาวบ้านทั้ง 4 ครัวเรือน นำหลักฐานไปแจ้งสิทธิ์เพื่อขอออกโฉนดแต่ทางราชการแจ้งว่าเป็นที่สาธารณะออกโฉนดให้ไม่ได้แต่กลับ ออกให้แก่บุคคลหนึ่งตามโฉนดดั้งเดิมของปี ร.ศ.131(หรือพ.ศ.2455) ซึ่งเป็นของบรรพบุรุษทั้ง 4 ครัวเรือน
จากนั้นลุงพันธ์และกลุ่มชาวบ้าน ผู้เดือดร้อน ได้พยายามยื่นหลักฐานขอออกโฉนดที่ดินอีก ปรากฏว่าทางราชการแจ้งว่าใบแจ้งสิทธิ์ดังกล่าวอยู่ในโฉนดที่ดินบุคคลอื่นจึงออกให้ไม่ได้
ต่อมาปี 2551 ชาวบ้านทั้ง 4 ครัวเรือนจึงถูกบุคคลซึ่งออกโฉนดที่ดินทับ ฟ้องขับไล่เมื่อชาวบ้านดังกล่าวร่วมกันดิ้นรนร้องทุกข์ต่อหน่วยงานราชการต่างๆเพื่อขอความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แต่ไม่ได้รับการเหลียวแล

จึงร่วมกันต่อสู้คดีด้วยความยากจนโดยลำพังและแพ้คดีไปเมื่อปี 2562 สร้างความเดือดร้อน ทุกข์เข็ญ ต้องขวนขวายหาที่พักพิงและเลี้ยงชีพเพื่อประทังชีวิตทั้งครอบครัว
ประกอบกับช่วง โรคระบาดโควิด-19 ก็กระหน่ำซ้ำซัดทำให้ชาวบ้านดังกล่าวต้องประสบชะตากรรมยากแค้นแสนสาหัส เรื่อยมาบางคนสูญเสียดวงตา เงินทองที่รวบรวมได้มาต้องหมดไปกับการต่อสู้ดิ้นรนหาคนช่วยเหลือมากว่า 15 ปี
จึงได้รวมตัวกันมาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชนไห้ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าที่ดินกว่า 7 ไร่ของชาวบ้านที่ถูกขับไล่มีสภาพรกร้างไม่ได้ทำประโยชน์แต่อย่างใด
แต่มีร่องรอยซากบ้านเรือน ถูกทุบทิ้งพังเสียหายหญ้าขึ้นวัชพืชปกคลุมเป็นป่า เสาไฟฟ้าและท่อน้ำประปาถูกทิ้งร้างแต่มีถนนดินที่ชาวบ้านใช้สัญจรผ่านไปห้วยหนองเขื่อนช้าง
โดยชาวบ้านขอให้สื่อมวลชนช่วยนำเสนอ ความเดือดร้อนทุกข์ยากเพื่อขอความเป็นธรรมด้วย

 

นาย วิพันธ์ มณีวัฒน์ หรือ ลุงพันธ์ ซึ่งพิการทางสายตา(ตาบอด) เล่าว่า ที่อยู่กันแถวนี้จะมีบ้านอยู่ทั้งหมด 4 หลัง ที่ผ่านมาเคยไปร้องเรียนศูนย์ดำรงค์ธรรม ร้องผู้จัดการแผ่นดิน ไปสภาทนายความ ไป อบต. ไปหลายที่เลยครับ หลายหน่วยงานที่ไป เค้าบอกว่าที่เราออกโฉนดไม่ได้เพราะที่ของเราเป็นที่ดินสาธารณะ เค้าออกไม่ได้ แต่พวกนั้นเค้าออกได้ ตอนนี้พวกลุงก็ยังสงสัยอยู่ เวลาลุงออไม่ได้ แต่คนที่ข้างเคียงทำไมออกมาได้ โดยออกฉโนดมาคร่อมที่ของเราและขับไล่ด้วย ลุงว่าลุงจะความเป็นธรรมกับสื่อ เพราะสื่อเป็นกระบอกเสียงของประชาชน เคยทำให้คดีต่าง ๆ รับความเป็นธรรมเยอะแล้ว ผมก็เลยคิดว่า ทางเลือกสุดท้ายของลุงก็ต้องเป็นสื่อ ผมก็เลยดีใจ ว่าจะพาชาวบ้านฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ เพราะไม่มีที่อยู่อาศัย เดือดร้อนมากตอนนี้ ผมก็หวังว่าพึ่งสื่อนี่คือหน่วยงานสุดท้าย หวังว่าที่จะเข้าถึงได้ สื่อมีหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริงโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนแต่อย่างใด ดีกว่าหน่วยงานราชการบางหน่วยที่ผ่านมา เพราะเค้าไม่ยอมช่วยเหลืออะไรเลย

นาง บุญเรือง เรียงวงค์ อายุ 67 ปี ( 1 ในกลุ่มชาวบ้านที่เดือดร้อน) เล่าว่า ตอนนี้ตนเองไร้ที่อยู่ โดนขับไล่ที่ เค้าบอกว่าพวกเธอออกจากผืนดินแถวนี้ ไปหาที่อยู่ใหม่ได้แล้ว ความรู้สึกตอนนั้นท้อแท้ สลดหัวใจ เราจะไปอยู่ที่ไหนกันดี เงินก็ไม่มีไปซื้อที่ เพราะที่ดินเดี๋ยวนี้มันแพง คิดจนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ จนกระทั่งไปที่ทำงาน พี่ทำงานอยู่ที่ร้านขายรถยนต์ ก็เลยปรึกษาเขา ซึ่งเค้าก็บอกไม่เป็นไร ถ้าไม่มีที่อยู่ มาอยู่ที่ร้านนี้ก็ได้ คือเราทำงานอยู่กับเขา เขาก็อุปถัมภ์ ลุงพันธ์เค้าก็บอกว่าพี่ก็ฟังวิทยุเค้าแนะนำ ให้ไปหน่วยงานนู้นหน่วยงานนี้ เค้าแนะนำพี่ก็ไปเพราะว่าเค้าตาไม่ดี ส่วนพี่ตาดี ไปตรงนั้นก็ไม่ได้ ไปตรงนี้ก็ไม่ได้ จนพี่ท้อแล้ว จนกระทั่งเดือนที่แล้ว ลุงพันธ์ ไปปรึกษาพี่ บอกว่าฟังจากวิทยุมา ว่ามีสื่อมวลชนจะไปติดต่อทางนี้ ชวนพี่ไป แต่พี่ท้อพี่เหนื่อยแล้ว เพราะถ้าพี่หยุดงานพี่ก็ไม่ได้เงิน เค้าเลยไปเองเหมาแท๊กซี่ไป ทั้งๆที่ตาก็ไม่ดี ลุงพันธ์เค้ายังอยากจะสู้อยู่แต่พี่ก็ท้อ เธอลองไปดู ถ้ายังไงแล้วมาว่ากันอีกที พอไปติดต่อทางสื่อ สื่อก็บอกว่าจะมา เมื่ออาทิตย์ที่แล้วสื่อไม่ว่าง แต่มาวันนี้พวกพี่ก็ดีใจ ที่สื่อมาสอบถาม มาดูแล มาดูเอกสาร ว่าเอกสารนี้น่าจะเดินหน้าได้ พี่ก็มีความหวังขึ้นมาอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่าสื่อก็ให้กำลังใจกับพวกเรา ทั้ง ๆ ที่พวกเรามันหมดกำลังใจไปแล้ว คือคิดว่าหมดแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว แต่ถ้าถามว่าอยากกลับมาอยู่ที่เดิมไหม อยากกลับมา เพราะที่เดิมเนี่ย ครอบครัวเราอยู่กันมาตั้งแต่เรายังไม่เกิด ตั้งแต่ปู่ย่าตายายและสืบทอดกันมา ทุกวันนี้เราก็ต้องดิ้นรนเก็บเงินไปหาซื้อที่อยู่ ซื้ออะซื้อได้ แต่เราก็ยังผ่อนเค้าอยู่ เราก็ไม่รู้จะผ่อนหมดตอนไหน ชั่วลูกชั่วหลาน ถ้าหากว่าสื่อช่วยชี้ทางหรือช่วยเหลือให้พวกเราได้ที่กลับมา ก็ต้องขอบคุณทนายและสื่อมาก ๆ ที่มาวันนี้ พี่และเพื่อนบ้านทุกคนดีใจมากที่มาให้กำลังใจกัน

เกียรติยง อัศวราศี