วันศุกร์, 20 กันยายน 2567

“พระสุนทร” อดีตนายหนังตะลุงชื่อดัง นำลูกชายพร้อมลูกสะใภ้ที่ประกาศขายอวัยวะสู้คดีสามีตกเป็นแพะ ร้องสื่อ ตกเป็นแพะคดีพยายามฆ่า

07 มี.ค. 2023
207

“พระสุนทร” อดีตนายหนังตะลุงชื่อดัง “หนังสุนทร อ้ายลูกหมี”นำลูกชายอดีตทหารพรานพร้อมลูกสะใภ้ที่ประกาศขายไตและดวงตาสู้คดีสามีตกเป็นแพะ-ร้องสื่อลูกชายตกเป็นแพะคดีพยายามฆ่า ล่าสุดลาออกจากทหารพรานแล้วเพื่อวิ่งเต้นลูกคดีมั่นใจศาลอุทธรณ์คืนความยุติธรรม

(7 มี.ค.) จากกรณีที่ในโลกโซเชี่ยลเฟซบุ๊คของ “นักรบ ตาไฟ” ได้โพสต์ข้อความของสาวคนหนึ่งที่ประกาศขายไต และดวงตา 1 ข้างเพื่อหาเงินมาสู้คดีที่อ้างว่าสามีตกเป็นแพะ กลายเป็นต้องหาคดีพยายามฆ่า ซึ่งแฟนต้องมาเป็นแพะ..ศาลตัดสินคดีตลอดชีวิต…ตอนนี้ประกันอยู่ระหว่างอุทธรณ์..รู้ว่าขายอวัยวะมันผิดกฎหมายแต่ตอนนี้ไม่มีจริง ๆ ไม่มีแม้กระทั่งเงินจะกิน…ตอนนี้เป็นหนี้หลายแสนแล้วเอามาสู้คดีนี้ ซึ่งแฟนไม่ได้เป็นคนทำจริง ๆต้องมาเป็นแพะ..รับกรรมที่ไม่ได้ก่อ..พยานปากก็มีหลักฐาน DNA ก็ไม่มี.รอยนิ้วมือก็ไม่ตรงสัญญาณโทรศัพท์ก็อยู่ที่ปัตตานีเหตุเกิดที่นคร คดีแทงปาดคอเมียผู้กอง.ซึ่งผัวคนเจ็บกับสามีเราเป็นผู้กองกับลูกน้องก็จริงแต่ไม่เคยเกี่ยวข้องอย่างอื่นนอกจากเรื่องงานในกองร้อยกับคนเจ็บก็ไม่ได้รู้จัก.ไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ…..ข้อความเห็นใจความยุติธรรมด้วยลูกก็ยังเล็กอยู่..แต่โดนตัดสินตลอดชีวิต ใครต้องการซื้อไตกับดวงตา ติดต่อ 0909745…. ต้องการเอาเงินมาสู้คดีจริง ๆค่ะ

ความคืบหน้าในคดีนี้ที่ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช พระสุนทร หรืออดีตนายหนังตะลุง “หนังสุนทร อ้ายลูกหมี” อดีตนายหนังตะลุงชื่อดังในภาคใต้ ได้นำลูกชายคือนายณรงค์ หรือผอม รอดคง อายุ 36 ปี บ้านอยู่ ต.นาเหรง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช อดีตทหารพรานในค่าย แห่งหนึ่ง จ.ปัตตานี ผู้ต้องหาในคดีพยายามฆ่า และ น.ส.อรพินท์ สุวรรณรัตน์ อายุ 34 ปี ภรรยานายณรงค์ ซึ่งเป็นคนโพสต์ขายไตและดวงตา 1 ข้างในเฟซบุ๊คได้นำสำนวนในคดีเกดินทางเข้าพบสื่อมวลชนเพื่อร้องเรียนจอความเป็นธรรมและขอความช่วยเหลือ โดยนายณรงค์ หรือผอม กล่าวว่าตนเป็นทหารพรานมาตั้งแต่อายุ 18 ปี แต่ต้องมาตกเป็นผู้ต้องหาพยายามฆ่า โดนผู้เสียหายเป็นภรรยาของอดีต ผบ.ร้อยทหารพรานที่ตนสังกัดอยู่ ซึ่งตนไม่เคยรู้จักมาก่อน เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 21.10 น.วันที่ 21 ม.ค. 2564 บนถนนสายทุ่งท่าลาด-นาเคียน หนาเมรุวัดโคกสะท้อน ต.นาเคียน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช

“คดีนี้ผมยืนยันว่าผมตกเป็น “แพะรับบาป” และให้การปฏิเสธมาโดยตลอดทั้งในขชั้นสอบสวนและชั้นศาล โดยในช่วงเกิดเหตุตนอยู่ในกองร้อยที่ จ.ปัตตานี มีพยานบุคคลยืนยันจำนวนมาก ทั้ง ผบ.ร้อย และ ผบ.หมู่หัวหน้าชุดปฏิบัติการ รวมทั้งพยานเอกสารคำสั่งห้ามลา เพราะอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 และการตรวจสัญญาณโทรศัพท์มือถือของระบุชัดเจนว่าอยู่ในพื้นที่กองร้อย ไม่ได้ออกไปไหน การตรวจดีเอ็นเอของคนร้ายก็ไม่ตรงกับตน รอยนิ้วมือคนร้ายก็ไม่ตรงกับตนเช่นกัน มีเพียงการชี้ตัวผู้ต้องหาของผู้เสียหายว่าคือตนเท่านั้น ซึ่งก่อนการชี้ตัวมีตำรวจเข้าไปถ่ายภาพตนมาให้ผู้เสียหายดูก่อนหน้าแล้ว ผมมั่นใจในความบริสุทธิ์จึงไม่ได้แต่งตั้งทนายความสู้คดีมีเพียงทนายขอแรงเท่านั้น ซึ่งตนในฐานะจำเลยที่ 2 และผู้กอง ฯสามีของผู้เสียหาย เป็นจำเลยที่ 1 (ผู้ใช้จ้างวาน)แต่ล่าสุดศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก”
นายณรงค์ กล่าวว่า ยอมรับว่าหลังทราคำพิพากษาตนเครียดมาก เพราะไม่ได้กระทำผิด การเป็นทหารพรานรับใช้ชาติเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาอย่างต่อเนื่องปฏิบัติตัวอยู่ในกรอบอย่างเคร่งครัด ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทหรือโกรธแค้นกับผู้ใดเลย ความเป็นก็ค่อนข้างลำบากเงินเดือนแค่หมื่นกว่าบาทกับภาระทั้งลูก 4 คนและเมียรักพร้อมทั้งเจียดเงินเดือนส่งเสียให้แม่ด้วย เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาตนจึงตัดสินใจลาออกจากทหารพรานเพื่อหางานทำและเก็บเงินในการว่าจ้างทนายความสู้คดี และลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางระหว่าง จ.นครศรีธรรมราชกับกองร้อนใน จ.ปัตตานี โดยเชื่อว่าศาลชั้นอุทธรณ์จะคืนความยุติธรรมให้กับตนอย่างแน่นอน

ในขณะที่ น.ส.อรพินท์ สุวรรณรัตน์ กล่าวว่า ในวันที่สามีเข้ามอบตัวหลังศาลออกหมายจับ และต่อมามีการนัดหมายให้ผู้เสียหายมาชี้ตัวผู้ต้องหาและชี้ยืนยันว่านายณรงค์ หรือผอม สามี คือคนร้ายที่ก่อเหตุแทงเขา ทั้ง ๆ ที่ในสถานที่เกิดเหตุค่อนข้างมืด ที่สำคัญมีสามียืนยันว่าก่อนการชี้ตัวมีตำรวจเข้าไปถ่ายภาพในห้องควบคุมนำมาให้ผู้เสียหายดูก่อนชี้ตัว ซึ่งในสำนวนคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลพยานฝ่ายสามีตนมีแค่ ผบ.ร้อย และ ผบ.หมู่หัวหน้าชุดเท่านั้นที่เขายืนยันว่าในวันเกิดเหตุสามีอยู่ในกองร้อย แต่พยานบุคคลอื่น ๆ ที่พบปะและร่วมกิจกรรมทำงานอยู่ด้วยกันกับสามีเขาพร้อมจะมาเป็นพยานในขันศาลถูกตัดออกทั้งหมด ยอมรับว่าตนและสามีชะล่าใจเพราะคิดว่าสามีไม่ได้กระทำผิด พยานเอกสารคำสั่งห้ามลากเพราะอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 การตรวจสัญญาณโทรศัพท์มือถือของระยบุชัดเจนว่าอยู่ในพื้นที่กองร้อย ไม่ได้ออกไปไหน การตรวจดีเอ็นเอของคนร้ายก็ไม่ตรงกับสามี การต่อสู้คดีทั้งในชั้นตำรวจและศาลจึงใช้เพียงทนายขอแรงเท่านั้น
“เมื่อผลการพิพากษาตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ตนถึงกับเป็นลมหน้ามืด เพราะหากสามีติดคุกตนและลูก ๆ จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ในครอบครัวแทบไม่มีเงินเหลือเลย จะกินจะอยู่ก็ลำบากเดือดร้อน จึงตัดสินใจประกาศขายไตและดวงตา 1 ข้าง เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในการต่อสู้คดีแม้จะรู้ว่าการขายอวัยวะผิดกฎหมาย แต่ตนไม่มีทางออกใดอีกแล้ว และมั่นใจว่าในชั้นศาลอุทธรณ์ความเป็นธรรมจะกลับคืนมา” น.ส.อรพินท์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายณรงค์ พร้อมภรรยาและแม่ได้เดินทางเข้าขอความช่วยเหลือจากนายธนาชัย เกตุโรจน์ ประธานชมรมทนายความเพื่อประชาชนเมืองคอน อดีตกรรมการสภาทนายความจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยนายธนาชัย ยืนยันว่าจะเข้ามาช่วยเหลือในชั้นศาลอุทธรณ์ โดยไม่ต้องให้ น.ส.อรพินท์ ขายไตและดวงตา และจะให้การช่วยเหลือโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ในเบื้องต้นได้ยื่นขอขยายเวลายื่นอุทธรณ์และดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปจนกว่าจะมีคำพิพากษาชขั้นอุทธรณ์ ซึ่งมั่นใจค่อนข้างสูงว่าคดีนี้นายณรงค์ จะได้รับความเป็นธรรมกลับคืนมาแน่นอน

ไพฑูรย์ อินทศิลา/นครศรีธรรมราช