อดีต ส.ท.กระดูกเหล็กเดินเท้า 130 กม. เรียกร้องความเป็นธรรมยื่นฟ้องเทศบาลเมืองดอนสักต่อศาลปกครองนครศรีธรรมราช ภาคใต้ 18 มี.ค. 2023 222 share tweet share ส.ท.กระดูกเหล็กเดินเท้า 130 กม.ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองนครศรีธรรมราช ขอให้ ทม.ดอนสัก จ.สุราษฏร์ธานี ยกเลิกคำสั่งห้าม ปชช.เข้าไปตกเบ็ด ทอดแห บริเวณสะพานและท่าเทียบเรือเอนกประสงค์ (แหลมทวด)-ชี้ก่อนก่อสร้างทำประชาคมตกลงอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรประชาชนสามารถเข้าไปประกอบอาชีพจับปลาและสัตว์น้ำได้ตามปกติแต่กลับถูกจับกุมดำเนินคกดีข้อหา บุกรุก ตกเบ็ด ทอดแห (18 มี.ค.) ที่บริเวณร้านน้ำชา-กาแฟ สถานี บชส.นครศรีธรรมราช ถนนกะโรม ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้มีประชาชนจำนวนหนึ่งเดินทางไปให้กำลังใจนายดำรงค์ศักดิ์ วิชัยดิษฐ์ หรือ ส.ท.รุ่ง อายุ 50 ปี อดีตสมาชิกสภาเทศบาลเมืองดอนสัก จ.สุราษฏร์ธานี ที่เดินเท้าจาก อ.ดอนสัก มายังจังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งแต่เช้าของวันที่ 14 มี.ค. 2566 ระยะ 130 กม. เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมยื่นฟ้องเทศบาลเมืองดอนสัก จ.สุราษฏร์ฝธานี ต่อศาลปกครองนครศรีธรรมราช กรณีมีคำสั่งห้ามประชาชนเข้าไปในพื้นทีบริเวณท่าเรือเอนกประสงค์ (แหลมทวด) อ.ดอนสัก. จ.สุราษฏร์ธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ชายฝั่งสาธารณะที่ประชาชนเข้าไปประกอบอาบชีพทำประมงท้องถิ่น ตกเบ็ด ทอดแหมาตั้งแต่บรรพบุรุษ และมีการแจ้งความดำเนินคดีกับนายดำรงค์ศักดิ์ หรือ ส.ท.รุ่ง และชาวบ้านอีก 2 คน ดำเนินการคดีในข้อหาบุกรุกเข้าไปตกเบ็ด ทอดแห ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว นายดำรงค์ศักดิ์ วิชัยดิษฐ์ หรือ ส.ท.รุ่ง กล่าวว่า ก่อนที่ทางกรมเจ้าท่าจะมีโครงการก่อสร้างท่าเรือเอนกประสงค์ (แหลมทวด) อ.ดอนสัก. จ.สุราษฏร์ธานี ได้มีการทำประชาคมในพื้นที่ เนื่องจากบริเวณที่จะก่อสร้างเป็นพื้นที่ที่ประชาชนประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านจับปลาและสัตว์น้ำด้วยการทอดแห ตกเบ็ด ซึ่งประกอบอาชีพต่อเนื่องกันมาหลายชั่วอายุคนและเป็นสถานที่ที่ชาวบ้านมาเดินเที่ยวพักผ่อน ทำกิจกรรมตามอัธยาศัยชาวบ้านจึงคัดค้านไม่เห็นด้วย ทางกรมเจ้าท่าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรว่าแม้จะมีการสร้างสะพานและท่าเรือแต่จะเปิดโอกาสให้ชาวบ้านเข้าไปประกอบอาชีพขจับปลาหรือทำประมงในพื้นที่ได้ตามปกติ ชาวบ้านจึงยินยอมให้มีการก่อสร้าง จนเมื่อการก่อสร้างสะพานและท่าเทียบเรือแล้วเสร็จเปิดให้บริการชาวบ้านก็สามารถเข้าออกไปประกอบอาชีพในพื้นที่ได้ตามปกติ จนเมื่อมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 มีการปิดท่าเรือ และห้ามประชาชนเข้าไปในบริเวณสะพานและท่าเทียบเรือ เพราะเกรงจะไปรวมตัวกันเกิน 5 คนที่อาจจะส่งผลกระทบต่อมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ ชาวบ้านก็ปฏิบัติตาม “แต่เมื่อสถานการณ์การแพร่ะระบาดของไวรัสโควิดกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทางเทศบาล ฯกลับให้เอกชนหลายบริษัทเช่าพื้นที่และห้ามประชาชนเข้าไปประกอบอาชีพทำประมงหรือจับปลา จะอนุญาติใหเขาเฉพาะคนที่ซื้อบัตรหรือจ่ายเงินจากผู้ประกอบการที่เช่าที่จากเทศบาลเมืองดอนสัก หรือเฉพาะคนของผู้ประกอบการเท่านั้น ซึ่งถือว่าเอารัดเอาเปรียบไม่เป็นธรรมกับประชาชนที่อยู่อาศัยประกอบอาชีพในบริเวณดังกล่าวมาอย่างยาวนาน และถือว่าทางเทศบาล ฯไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่มีการทำประชาคมตกลงกันก่อนการก่อสร้างสะพานและท่าเทียบเรือ ตนได้รับแจ้งบอกเล่าจากชาวบ้านมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ตนไม่เชื่อว่าเทศบาล ฯจะกระทในลักษณะดังกล่าว จึงเดินทางไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงก็พบว่าเป็นความจริงตามที่แจ้ง ต่อมาตนและชาวบ้านจำนวนหนึ่งจึงรวมตัวกันประท้วงเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากผู้บริหารของเทศบาล ฯ จึงถูกผู้บริหารเทศบาลแจ้งความดำเนินคดีกับตนและชาวบ้านอีก 2 คน ในข้อหาบุกรุก ตกเบ็ด ทอดแห ทางพนักงานสอบสวน สภ.ดอนสัก ได้แจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานมีความเห็นสั่งฟ้องไปยังอัยการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตนเดินทางเข้าพบนายอำเภอดอนสัก เพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรมแต่ยังไม่ทันได้พูดคุยในรายละเอียดทางนายอำเภอดอนสักได้กล่าวกับตนว่า “เขามีคำสั่งห้ามเข้าแล้วไปบุกรุกเข้าทำไม เป็นการกระทำความผิดฝ่าฝืนคำสั่งอย่างชัดเจน ” ตนและชาวบ้านรู้สึกผิดหวังกับท่านนายอำเภอเป็นอย่างมาก เมื่อถึงนายอำเภอไม่ได้ตนจึงทำเรื่องขอความเป็นธรรมกับพนักงานอัยการ จนในที่สุดทางพนักงานอัยการยังไม่ส่งฟองต่อศาล และได้สั่งการให้พนักงานสอบทำการสอบสวนปากคำที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อนำสำนวนกลับมาพิจารณาอีกครั้ง” นายดำรงค์ศักดิ์ หรือ ส.ท.รุ่ง กล่าวอีกว่า การที่เทศบาลเมืองดอนสัก ออกคำสั่งห้ามประชาชนเข้าไปประกอบอาชีพตกเบ็ด ทอดแห จับสัตว์น้ำในบริเวณท่าเรือเอนกประสงค์ (แหลมทวด) เป็นคำสั่งที่ไม่ถูกต้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นเป็นธรรมและเป็นเอารัดเอาเปรียบรังแกประชาชน ตนจึงตัดสินใจเดินเท้าจาก อ.ดอนสัก มายังศาลปกครองนครศรีธรรมราช เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลปกครองให้พิจารณาตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าทางผู้บริหารเทศบาลเมืองดอนสักปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษหรือไม่ และขอให้ศาล ฯมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งของเทศบาล ฯ โดยตนยอมเดินจนเท้าซ้ำบวม ฉีกขาดรวมระยะทาง 130 กม. เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับประชาชนชาว อ.ดอนสัก ทั้งหมด เพราะบริเวณดังกล่าวเคยเป็นที่ที่ประชาชนสามารถเข้าไปเดินเที่ยว พักผ่อน ตกเบ็ด ทอดแห่จับปลา แต่เมื่อมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องกลับสั่งห้ามประชาชนเข้าไปใช้พื้นที่ ซึ่งการสร้างสะพาน และท่าเทียบเรือ เป็นภาษีของประชาชนทั้งหมด ผู้บริหารเทศบาล ฯแต่ละท่านไม่ได้ใบ้เงินส่วนตัวลงทุนสักบาทเดียว แต่มีคำสั่งห้ามเข้าไปประกอบอาชีพทำมาหากินและเรียกเก็บผลประโยชน์จากประชาชนอย่างนี้ไม่ถูกต้อง ที่สำคัญก่อนการก่อสร้างมีการทำประชาคมและบันทึกข้อตกลงอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรแล้วว่าประชาชนสามารถเข้าไปใช้พื้นที่ได้ตามปกติ “ตนตั้งใจจะเดินมาให้ทันยื่นฟ้องต่อศาลปกครองนครศรีธรรมราชในวันศุกร์ที่ 17 มี.ค. 2566 แต่เนื่องจากตนเดินฝ่าเปลวแดดจนเท้าซ้ำบวม ฉีกขาด ทำให้มาถึงนครศรีธรรมราชล่าช้ากว่ากำหนด โดยมาถึงตัวเมืองนครศรีธรรมราช ประมาณ 21.00 น. ศาลปกครองปิดทำการไปแล้ว และติดเสาร์-อาทิตย์ ชาวบ้านที่ทราบข่าวมาให้กำลังใจและเช่าห้องพัก “โกพงศ์แมนชั่น” ให้ตนพักผ่อน อย่างไรก็ตามตนจะเดินทางเข้ากราบสักการะศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช และพระบรมธาตุเจดีย์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร และเดินเท้าไป ให้ถึงศาลปกครองภายในบ่ายของวันนี้ (18 มี.ค.) และจะพักผ่อนในจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อรอเข้ายื่นฟ้องในวันจันทร์ที่ 20 มี.ค. 2566” นายดำรงค์ศักดิ์ หรือ ส.ท.รุ่ง กล่าวย้ำในที่สุด ไพฑูรย์ อินทศิลา/นครศรีธรรมราช