วันอาทิตย์, 8 กันยายน 2567

ใหญ่คับวัด “ไอ้สิน” ฝ่ากลางประชุมคณะสงฆ์ผลักอกชี้หน้าข่มขู่และพยายามทำร้ายร่างกายสื่ออาวโส-ตะคอกไล่ “วัดผมออกไป”

10 เม.ย. 2023
1843

(10 เม.ย.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 17.30 น. วานนี้ (9 เม.ย.) ที่ศาลาโรงธรรมวัดทุ่งแย้ หมู่ 6 ต.โพธ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช คณะสงฆ์ประชุมนำโดยพระครูวินัยธรสุริยา สุริโย (ดร.)เจ้าอาวาสวัดสนธิ์ (วัดนาสน) ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชและดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลโพธ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และ ผศ.ดร.พีระศิลป์ บุญทอง อาจารย์ประจำสาขาวิชาพระพุทธศาสนา มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช เดินทางมาประชุมคณะสงฆ์และชาวบ้านรวมกว่า 100 รูป/คน ผู้นำท้องถิ่นเพื่อพิจารณาแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสวัดทั่งแย้ หมู่ 6 ต.โพธ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราชรูปใหม่แทนพระอรุณ เปมํกโร หรือ “หลวงลอบ” พรรษา 10 ที่รักษาการ ฯมาครบ 1 ปีเมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2566 ซึ่งทางคณะสงฆ์ไม่สามารถแต่งตั้งเป็นเจาอาวาสได้ เนื่องจากไม่จบนักธรรมตรี จึงต้องพิจารณาแต่งตั้งพระสงฆ์รูปใหม่มาทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาสวัดทุ่งแย้

โดยชาวบ้านส่วนใหญ่มีความประสงค์ให้ทางคณะสงฆ์พิจารณาแต่งตั้งพระมงคล อุตฺตโม หรือ “หลวงพี่กั้ง”อดีตเจ้าอาวาสวัดทุ่งแย้ที่เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช มีคำสั่งที่ 114/2561 ให้พ้นจากเจ้าอาวาสฐานหย่อนความสามารถไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ กลับมาปฏิบัติหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาสหรือเจ้าอาวาสอีกครั้ง เนื่องจากมีความรู้ ความสามารถและได้ปรับปรุงพัฒนาตนเองจนชาวบ้านเชื่อมั่นศรัทธาซึ่งเหมาะสมกว่าพระภิกษุสงฆ์ทุกรูปในวัดทุ่งแย้ แต่อย่างไรก็ตามพระมงคล อุตฺตโม ที่ในปัจจุบันได้รับสมณศักดิ์ที่พระครูปลัดวรญาณภัทร อุตตโม ปฏิเสธที่จะรับตำแหน่งเพราะเกรงว่าจะเกิดความขัดแย้งในหมู่ประชาชนที่แยกเป็น 2 ฝ่าย จึงขอให้คณะสงฆ์พิจารณาดำเนินการตามคำแนะนำของพระราชปริยัติเวที ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช (มหานิกาย )และนายไพฑูรย์ อินทศิลา สื่ออาวุโส ประธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่จบการศึกษาพุทธศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาพระพุทธศาสนา จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเขตนครศรีธรรมราช และเป็นผู้อุปถัมภ์สร้างภาพลักษณ์และชื่อเสียงให้กับวัดทุ่งแย้จนเป็นที่รู้กันกันทั่วประเทศระหว่างปี 2553-2557 โดยชาวบ้านที่อยู่ในศาลาโรงธรรมส่วนใหญ่เห็นด้วยกับทางออกดังกล่าว เพื่อจะได้สลายความขัดแย้ง หันมาร่วมด้วยช่วยกันพัฒนาวัดให้มีชื่อเสียงเหมือนในอดีตอีกครั้งหนึ่ง

ทางด้านพระอรุณ หรือ “หลวงลอบ” ได้ขอโอกาสแสดงความคิดเห็นผ่านไมโครโฟนว่า เรื่องการพิจารณาแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสหรือเจ้าอาวาสรูปใหม่แทนตนนั้น น่าจะกระทำกันเฉพาะในหมู่คณะสงฆ์ เพราะตนก็ยอมรับว่าขาดคุณสมบัติไม่ได้จบนักธรรมตรีตามระเบียบปกครองสงฆ์ จึงไม่จำเป็นต้องไปเกณฑ์ประชาชนมาทั้งหมู่บ้านและพานักข่าวมาด้วยแบบนี้ และตนขอทำงานชิ้นสุดท้ายคือการทอดผ้าป่าสามัคคีในวัดที่ 13 เม.ย. 2566 นี้ และนำเงินไปใช้จ่ายในการสร้างศาลาที่ยังคั่งค้างไม่แล้วเสร็จ หลังจากนั้นทางคณะสงฆ์จะแต่งตั้งพระภิกษุรูปหนึ่งรูปใดมาเป็นเจ้าอาวาสหรือรักษาการเจ้าอาวาสตนก็ไม่ขัดข้อง

ปรากฏว่าสิ้นเสียงพระอรุณ หรือท่านลอบ ได้มีนายสิน ทราบว่าเป็นศาสนพิธีกรของวัดทุ่งแย้ ในช่วงที่พระอรุณ หรือ “ท่านลอบ” ดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาส ได้เดินผ่ากลางวงประชุมตรงเข้าไปผลักอกและพยายามจะทำร้ายนายไพฑูรย์ อินทศิลา และดึงแขนกระชาก พร้อมชี้หน้าตะคอกใส่ว่า“คุณออกไปจากวัดผม ผมไม่ให้เข้ามาในวัดนี้“ในขณะที่ตัวแทนชาวบ้านได้เข้าไปห้ามและกันนายสิน ออกไปแต่นายสินยังพยายามดิ้นสะบัดเพื่อจะกลับเข้ามมาทำร้ายนายไพฑูรย์ ด้วยความโกรธแค้น จนชาวบ้านพร้อมใจกันโห่ร้องด่าประนาฌพฤติกรรมของนายสิน ว่าวัดทุ่งแย้ง เป็นวัดของนายสิน ตั้งแต่เมื่อไหร่ วัดเป็นสมบัติของประชาชนชาวพุทธทุกคน การกระทำของนายสินให้เสื่อมเสียชื่อเสียงชาวทุ่งแย้ และพากันเข้ามาขอโทษนายไพฑูรย์ แทนนายสิน ในขณะที่นายไพฑูรย์ ยืนยันว่าไม่ได้โกรธแค้นที่นายสิน พยายามจะทำร้ายร่างกาย แต่อดสงสัยไม่ได้ว่าวัดทุ้งแย้ ในปัจจุบันนายสิน มายึดครองเป็นเจ้าของวัดแล้วหรืออย่างไร และเขาสูญเสียประโยชน์อะไรหรือไม่ หรือทำความผิดอะไรไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ จึงรับไม่ได้ที่พระอรุณหรือหลวงลอบไม่ได้ไปต่อ

โดยตัวแทนชาวบ้านที่เป็นนักกฎหมาย กล่าวว่าพฤติกรรมดังกล่าวชาวทุ่งแย้รับไม่ได้ และถือว่าเป็นพฤติกรรมการข่มขู่คุกคามสื่อ ซึ่งการที่สื่อมวลชนเดินทางมาร่วมในการพิจารณาแต่งตั้งเจ้าอาวาสหรือรักษาการเจ้าอาวาสวัดทุ่งแย้ เป็นเรื่องที่ดีจะได้เป็นสักขีพยาน ที่สำคัญนายไพฑูรย์ เป็นคนที่อุปถัมภ์ดูแลสร้างชื่อเสียงให้กับวัดทุ่งแย้มาตลอด ชาวทุ่งแย้ขอโทษนายไพฑูรย์ ด้วย แม้นายไพฑูรย์ ยืนยันว่าไม่โกรธแต่ชาวบ้านอยากให้ดำเนินคดีในข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้า ทำให้เกิดความอับอายต่อธารกำนัล พยายามทำร้ายร่างกาย และข่มขู่คุกคามสื่อมวลชนที่มาทำหน้าที่โดยสุจริต อย่างน้อยจะได้เป็นบรรทัดฐานให้ชาวบ้าน ชาวพุทธรับทราบทั่วกันว่าใครจะมาอ้างว่าวัดใดวัดหนึ่งเป็นสมบัติของตัวเองไม่ได้

ต่อมาในที่ประชุมสงฆ์ได้สอบถามว่าเมื่อพระครูปลัดวรญาณภัทร อุตตโม “หลวงพี่กั้ง” ปฏิเสธไม่รับตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาส และคณะสงฆ์ก็ไม่สามารถแต่งตั้งพระอรุณ หรือ “หลวงลอบ” รักษาการเจ้าอาวาสวัดทุ่งแย้ต่อไปได้อีก จึงต็องสารหาพระสงฆ์ที่จำพรรษาในวัดทุ่งแย้รูปอื่นที่มีพรรษา 5 พรรษาขึ้นไปมารับการแต่งตั้งเป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดทุ่งแย้รูปใหม่ และปราฏว่าพระในวัดทั่งแย้ที่มีจำนวน 6 รูปและพระครูปลัดวรญาณภัทร อุตตโม “หลวงพี่กั้ง” อดีตเจ้าอาวาสที่ปฏิเสธรับตำแหน่งแล้วมีอยู่เพียงรูปเดียวที่มีคุณสมบัติพร้อมคือพระกำจัด คัมภีรญาโณ “พ่อหลวงจัด” อายุ 68 ปี พรรษา 10 จบนักธรรมตรี และเคยเป็นอดีตข้าราชการครูในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วย จึงถือเป็นการเหมาะสมเป็นอย่างมาก ทางพระครูวินัยธรสุริยา สุริโย ดร. จึงประกาศให้ชาวบ้านทราบทั่วกันว่าคาดว่าหลังเทศกาลสงกรานต์จะทางคณะสงฆ์จะเอกสารแต่งตั้งพระกำจัด คัมภีรญาโณ “พ่อหลวงจัด” อย่างเป็นลายลักษณ์อักษรและเป็นทางการต่อไป ท่ามกลางเสียงปรบมือด้วยความชื่นชมยินดีของชาวบ้านและคณะสงฆ์ หลังจากนั้นจึงร่วมกันสวดมนต์ลาพระตรัยตรัยก่อนแยกย้ายกันกลับในเวลาประมาณ 18.30 น. ด้วยความชื่นมื่น

 

ไพฑูรย์ อินทศิลา /นครศรีธรรมราช