เมื่อเวลา 09.30น.วันที่ 1 พ.ค.2566 ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ได้มีม็อบประชาชนชาวอำเภอท่าศาลา จำนวนกว่า100คนถือป้ายข้อความต่าง ๆ และดอกไม้มาให้กำลังใจนายเอกชัย สุนทร นายอำเภอท่าศาลา เช่นข้อความว่า “ขอให้นายอำเภอปราบอิทธิพลมืด” ขอให้นายอำเภอเร่งปราบปรามยาเสพติดให้หมดสิ้นไปจาก อ.ท่าศาลา” เป็นต้น ซึ่งต่อมานายเอกชัย สุนทร นายอำเภอท่าศาลา ได้ลงมาพบกับประชาชนที่มาให้กำลังใจจำนวนมาก โดยกล่าวผ่านเครื่องขยายเสียงขอขอบคุณพี่น้องประชาชนในครั้งนี้ ซึ่งตนได้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่มาโดยตลอดโดยเฉพาะเรื่องการปราบปรามยาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาลได้เอาจริงเอาจังในเรื่องนี้ ทำให้กลุ่มยาเสพติดไม่พอใจตนมาโดยตลอดจึงหาเรื่องกลั่นแกล้งตนมาโดยตลอดและกล่าวหาว่าตนไม่เป็นกลางทางการเมือง
ซึ่งเป็นเรื่องไม่จริง สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนวันเกิดเหตุตนก็นำกำลัง อส.ปราบปรามยาเสพติดตามปกติทุกคืน และขณะออกตรวจได้พบกับวัยรุ่นคนหนึ่งมีท่าทางพิรุธจึงเรียกให้หยุดตรวจ แต่วัยรุ่นคนดังกล่าวทิ้งรถ จยย.แล้วหลบหนีไป ตนและกำลัง อส.ได้สอบสวนพบว่าวัยรุ่นคนดังกล่าววิ่งหลบหนีไปทางบ้านของอดีตผู้ใหญ่บ้านคนที่มาร้องเรียนตน ซึ่งประวัติลูกชายคนถูกตนจับยาเสพติดในขณะนี้ยังอยู่ในคุก เมื่อไปถึงบ้านของอดีตผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวพบเรียกอดีตผู้ใหญ่บ้านมาสอบถามว่าเห็นวัยรุ่นวิ่งหลบหนีมาทางนี้บ้างมั๊ยเท่านั้นเอง ไม่ได้มีการข่มขู่และพูดคุยเรื่องการเมืองตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใดเลย แต่พอรุ่งเช้าอีกวันอดีตผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวซึ่งตนทราบว่าเป็นหัวคะแนนของผู้สมัคร ส.ส.คนหนึ่งในพื้นที่ได้ไปแจ้งความและร้องเรียนตนกล่าวหาว่าตนข่มขู่เรื่องการเมืองและวางตัวไม่เป็นกลางในการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 9 นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นเรื่องไม่จริงเลย ตนอยากให้ประชาชนเข้าใจตนด้วยเพราะตนเป็นข้าราชการระดับสูงจะไปทำตัวไม่เป็นกลางไม่ได้ และผู้บังคับบัญชาก็เข้าใจตนดี นายเอกชัยกล่าว
นอกจากนี้มีเรื่องร้องเรียนมากมายเกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดงบประมาณไปใช้ในการหาเสียงให้กับผู้สมัคร ส.ส.พรรคดังคนหนึ่งของเลือกตั้งที่ 9 ตนในฐานะผู้มีอำนาจในกหารดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบราชการอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมจะดำเนินการตรวจสอบจนถึงที่สุด อะไรที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายตนจะไม่ยอมให้ผ่านไปอย่างแน่นอน และขอขอบคุณประชาชนชาว อ.ท่าศาลา ที่มาให้กำลังใจตนในครั้งนี้ยิ่งทำให้ตนมีขวัญกำลังใจในการต่อสู้กับอิทธิพลและปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจังต่อไป นายเอกชัยกล่าว ในที่สุด
สำหรับคดีนี้เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2566 นายอะมาตย์ ไทรทอง อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84/7 หมู่ 5 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราชอดีตผู้ใหญ่บ้าน พร้อมด้วยทนายความ ได้แจ้งความกับตำรวจ สภ.ท่าศาลา และได้เดินทางมายังศูนย์ดำรงธรรม เพื่อยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ 1. ขอให้นายอำเภอหยุดปฏิบัติหน้าที่ในอำเภอท่าศาลา 2. ขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ กกต.ประจำ อ.ท่าศาลา และ 3. ให้ดำเนินการตรวจสอบทางวินัยกับนายเอกชัย สุนทร นายอำเภอท่าศาลา
นายอะมาตย์ กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 00.50 น.ของวันที่ 28 เมษายน 2566 นายเอกชัย สุนทร นายอำเภอท่าศาลา พร้อมด้วย อส.จำนวน 2 คันรถกระบะ ได้เดินทางมายังบ้านของผม และบอกสั่งวห้ามไม่ให้ผมเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง และกล่าวหาว่าผมเป็นผู้มีอิทธิพล ห้ามออกมาเคลื่อนไหวใด ๆ ทางการเมือง หากไม่ช่วยหาเสียงให้กับพรรคภูมิใจไทย หมายเลข 6 จะไม่รับรองชีวิตและทรัพย์สิน ผมได้ยินก็ตกใจมากผมยังมีครอบครัว มีทรัพย์สิน การที่ผมไม่ช่วยผู้สมัครทางการเมืองผมมีความผิดด้วยหรือ ผมเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้าน ผมรู้กฎหมายดี แต่คนที่รู้กฎหมายอย่างนายอำเภอทำไมมีพฤติกรรมแบบนี้ บังคับให้ผมช่วยพรรคภูมิใจไทย เบอร์ 6 สิทธิส่วนบุคคลจะช่วยใคร จะให้ผมไปขู่ชาวบ้านแล้วไม่เข้าข่ายผู้มีอิทธิพลทางการเมืองหรือครับ
“ผมปรึกษากับครอบครัวแล้วเดินทางมาแจ้งความลงบันทึกประจำวัน ที่ สภ.ท่าศาลาเมื่อเวลา 14.31น.วันที่ 28เม.ย.ที่ผ่านมา ผมก็กลัว ผมต้องการให้ท่านเจ้าหน้าที่ได้รับรู้ ในเรื่องของการกระทำของเจ้าหน้าที่ ผม มีหลักฐานเป็นคลิปและพยานบุคคล และว่าสิ่งที่ผมต้องการ หากนายอำเภอเป็นแบบนี้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที พรุ่งนี้ (2 พ.ค.)ผมจะเดินทางไปยื่นหนังสือที่ กกต.จังหวัดนครศรีธรรมราชเช่นกัน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังเกิดความขัดแย้งทางการเมืองในเขตเลือกตั้งที่ 9 นครศรีธรรมราช และมีทีท่าว่าจะเกิดความรุนแรงบานปลาย ทาง พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ได้สั่งให้ พ.ต.อ.พ.ต.อ.พิศิษฐ์ วิเศษวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช นำกำลัง นปพ.ภ.จว.นครศรีธรรมราชเตรียมพร้อม ณ.ที่ตั้งตลอดเวลาเพื่อเตรียมลงพื้นที่ป้องกันเหตุความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ดังกล่าว
ไพฑูรย์ อินทศิลา/นครศรีธรรมราช