(10 พ.ค.) ที่บริเวณตลาดสามแยกพรุเถี๊ยะ ต.เขาพระ อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช เมื่อค่ำวานนี้ (9 พ.ค.) พล.ต.ต.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส.เบอร์ 8 เขต 8 พรรคเพื่อไทย จ.นครศรีธรรมราช เปิดเวทีปราศรัยทางการเมือง เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ทางการเมืองที่จะไม่ทุ่มเงินซื้อเสียงและทำผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างเด็ดขาด มีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาช่วยปราศรัยหาเสียง โดยก่อนเปิดการปราศรัยได้มีตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่เขต 8 อ.พิปูน อ.ฉวาง อ.ช้างกลางและ อ.นาบอน รวมประมาณ 50 คน ได้เดินทางมาร่วมกิจกรรม “ล้อมวงคุย” เพื่อร่วมกันสะท้อนถึงปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาพื้นที่ 4 อำเภอของเขตเลือกตั้งที่ 8 โยเฉพาะ อ.พิปูน ถือว่าเป็นอำเภอที่ขาดการพัฒนามาอย่างยาวนาน เป็นอำเภอที่ล้าหลังมากที่สุดใน 23 อำเภอของจังหวัดนครศรีธรรมราช การคมนาคมเป็นไปอย่างยากลำบาก ขนาดถนนสายหลักเข้าอำเภอพิปูนเป็นถนนลาดยาง 2 ช่องจราจร ช่องละ 3 เมตรและยังที่เป็นหลุมเป็นบ่อตลอดสาย สร้างมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งอำเภอพิปูนเมื่อ 50 ปีก่อนอยู่อบ่างไรก็ยังอยู่อย่างนั้น มักเกิดอุบัติเหตุรถชนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในแต่ละปีสูงสุดของจังหวัดนครศรีธรรมราต่อเนื่องแทบทุกปี
อำเภอพิปูน เป็นอำเภอที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ป่าเขาลำเนาไพร่ และเป็นพื้นที่ต้นน้ำแม่น้ำตาปี หลังเกิดอุทกภัย วาตภัย ดินโคลนถล่มสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินจของประชาชนจำนวนมาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลงรัชกาลที่ 9 ได้มีพระราชดำริให้ก่อสร้างอ่างเก็บ 2 แห่งประกอบด้วยอ่างเก็บน้ำคลองดินแดงและอ่างเก็บน้ำกะทูน กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามตระการตา แต่นักท่องเที่ยวเขามาท่องเที่ยวน้อยมาก ๆ เพราะมีปัญหาด้านการคมนาคม และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ จึงอยากวิงวอนขอร้องให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งบ้านเกิดอยู่ตำบลสวนขัน อำเภอฉวาง ในปัจจุบันแยกไปเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ทั้งนี้ชาวเขต 8 เชื่อว่าหลังเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน นายสมชาย มีความสนิทสนมกับผู้หลักผู้ใหญ่ในระดับผู้บริหารพรรคเพื่อไทย จึงขอร้องให้ช่วยประสานงานพรรคเพื่อไทยจัดสรรงบประมาณโครงการต่าง ๆ ลงมาพัฒนา อ.พิปูน และพื้นที่อีก 3 อำเภอของ เขต 8 ให้เจริญรุ่งเรื่องเทียบเท่ากับอำเภออื่น ๆ ของจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยนายสมชาย รับปากว่าจะช่วยติดต่อประสานกับพรรคเพื่อไทยให้ตามที่ประชาชนต้องการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากนั้นจึงเข้าสู่บรรยากาศของการปราศรัยทางการเมือง ประชาชนแห่มานั่งฟังอย่างสนใจกว่า 1,500 คน ในขณะที่นายสมชาย ได้เริ่มปราศรัยไปได้ไม่ถึง 10 นาทีปรากฏว่ามีพายุฤดูร้อนพักกระหน่ำรุนแรง ทำให้ฝนตกหนักในพื้นที่ อ.พิปูน และอีกหลายอำเภอในจังหวัดนครศรีธรรมราช ประชาชนต้องวิ่งหนีไปหลบอยู่ตามร้านคาแผงลอย และบ้านเรือนของประชาชนในละแวกใกลเคียง รวมทั้งในปั้มน้ำมัน อย่างไรก็ตามนายชาย ได้ตัดสินใจปราศรัยท่ามกลางสายฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง และไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่กางร่มให้ ทำให้เสื้อผ้าและเนื้อตัวเปียกโชก ในขณะที่ชาวบ้านจำนวนเกือบ 100 คนไม่ยอมลุกหนี บางคนกางร่ม บางคนหาวัสดุมาปิดศรีษะและนั่งฟังการปราศรัยจนเสร็จสิ้น เมื่อฝนซาเม็ดก็แห่กลับออกมานั่งฟังการปราศรัยเนื่องแน่น
นายสมชาย กล่าวว่า ตนตั้งใจเดินทางกลับมาเยี่ยมบานเกิดและมาเยี่ยมเยียนช่วยเหลือ พล.ต.ต.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ หรือ “รองโข่ง” ผู้สมัคร ส.ส.เขต 8 เบอร์ 8 พรรคเพื่อไทยหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งที่ผ่านมานับ 10 สมัยใครลงสมัครก็พ่ายแพ้ต่อผู้สมัครพรรคการเมืองใหญ่ทุกครั้ง จนแทบไม่มีใครกล้าสมัครแข่งขัน แต่ พล.ต.ต.เชาวศิลป์ เป็นคนพิปูน เป็นข้ารราชการตำรวจน้ำดี เกษียณอายุราชการมา 2 ปี อายุเพิ่ง 62 ปี ยังมีสุขภาพแข็งแรง มีความรู้ความสามารถที่จะช่วยพัฒนาขับเคลื่อนบ้านเมืองได้อย่างดี ได้ขออาสาสมัครในนามพรรคเพื่อไทย เพียงเพื่อการเริ่มต้นให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในภาคใต้ และใน จ.นครศรีธรรมราช และพรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่เป็นความหวังของประชาชน ซึ่งทำสำเร็จมีผลงานเป็นที่ประจักษ์มาจนถึงปัจจุบัน
“ผ่านมา 30-40 ปีเขต 8 โดยเฉพาะ อ.พิปูน กลับไม่มีอะไรพัฒนาเลย ไม่ทราบว่าที่ผ่าน ๆ มานักการเมืองเจ้าของพื้นที่มัวทำอะไรอยู่ และยิ่ง 8-9 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจย่ำแย่ ราคาผลผลิตตกต่ำ ความเป็นอยู่ของประชาชนยากไร้แร้นแค้นแสนสาหัส ซึ่งการกลับมาบ้านเกิดของตนได้รับการตอบรับจากประชาชนมากเป็นประวัติการณ์พวกเขาสุดจะทนไหวอีกต่อไป ตนยืนยันว่าหากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลตนจะติดต่อประสานงานขอร้องให้พรรคเพื่อไทยทุ่มเทในการพัฒนาเขต 8 และ อ.พิปูน เป็นกรณีพิเศษ”
นายสมชาย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า แม้ในเขต 8 รองโข่ง เบอร์ 8 จะมีกระแสดีพอสมควร แต่เมื่อตรวจสอบผลโพลจากสำนักต่าง ๆ ระบุว่าคงยังไม่ถึงขั้นชนะเป็น ส.ส. ซึ่งตนมีความหวังว่าในระยะเวลาที่เหลือ 4-5 วัน หากประชาชนตัดสินใจที่จะเปลี่ยนตัวนักการเมืองและหันมาเลือก พล.ต.ต.เชาวศิลป์ หรือ รองโข่ง จากเพื่อไทยรองโข่งก็มีสิทธิ์ชนะเลือกตั้งชนิดหักปากกาเซียนก็เป็นได้ ตนอยากให้นครศรีธรรมราช ที่ไม่เคยมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยสักคน หากวนที่ 14 พ.ค. นี้ตัดเลือกรองโข่งและพรคเพื่อไทย ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่เกิดสิ่งดี ๆ ขึ้นในจังหวัดนครศรีธรรมราชและภาคใต้ ทุกนโยบายที่ประกาศของพรรคเพื่อไทย ทีมผู้หลักผู้ใหญ่แต่ละฝ่ายร่วมกันคิดร่วมกันกำหนดมาก่อนนี้เป็นปี ๆ ทุกนโยบายทำได้จริงและเคยทำมาแล้ว
“พรรคเพื่อไทยไม่ได้ต้องการแลนสไลด์เพื่อมาประดับบารมีหรือให้ดูยิ่งใหญ่ แต่เพื่อให้ได้คะแนนเสียงมากทมี่สุดในการต่อรองทางการเมืองเพื่อจัดตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็น 250 ส.ว. หากประชาชนเลือก สส.ส.พรรคเพื่อไทยเกินครึ่ง ตนชท่อว่า สว.ทุกท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือทุกท่านคงไม่ฝืนมติประชานและคงเห็นด้วยตามความต้องการของประชาชน สำหรับตนไม่ต้องการตำแหน่งอะไรในรัฐบาลอีกแล้ว เพราะที่ผ่านมาเป็นมาเกือบทุกตำแหน่งแล้ว แต่อยากเห็นบ้านเมืองและประชาชนหลุดพ้นจากความทุกข์ยาก เดินหน้าต่อไปเพื่อรุ่นลูกรุ่นหลานในอนาคต”
ในขณะที่ พล.ต.ต.เชาวศิลป์ หรือ “รองโข่ง กล่าวว่า ตนเกษียณอายุราชการกลับมาอยู่บ้านทำสวนทุเรียน ส่วนภรรยาและลูกก็บริหารโรงแรมอยู่ในตัวเมืองนครศรีธรรมราช หลายสิบปีที่ผ่านมาตั้งแต่ตนเป็นเด็ก ๆ ในพื้นที่เขต 8 โดยเฉพาะ อ.พิปูน เป็นอย่างไรก็เป็นอยู่อย่างนั้น ตนประกาศขออาสาเข้าไปในสภาผู้แทนราษฎรขอเวลาแค่ 1 สมัยเท่านั้น ตนไม่ยู่ในสภาต่อเนื่อง 10 สมัยเหมือนนักการเมืองใหญ่บางพรรค หากผ่านไป 4 ปีตนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพิปูน และเขต 8 ได้ ตนคงอับอายและคงไม่กล้ามาเสนอหน้าให้ประชาชนเลือกอีกในครั้งต่อไป
“เมื่อก่อนเขาบอกว่าพรรคใหญ่ไม่ซื้อเสียง แต่มาในครั้งนี้พบว่าทุกพรรคทุ่มเงินกันมหาศาล ตนคิดกว่าหากใช้เงินซื้อสู้กันแบบนี้ สู้สักเท่าไหร่ตนก็ไม่ชนะแน่นอน จึงประกาศว่าจะไม่มีการซื้อเสียงและทำผิดกฎหมายเดินกว่าที่ กกต.กำหนดเด็ดขาด ขอเรียนว่าตนไม่ได้ยอมแพ้ หรือยอมยกธงขาว แต่ตนจะประกาศสู้เลือกตั้งเต็มที่โดยไม่ต้องซื้อเสียง ตนจะลุกขึ้นสู้โดยพิสูจน์ระหว่าง “อำนาจแห่งความดี กับอำนาจเงิน” ว่าคนเขต 8 เมืองคอนจะตัดสินใจเลือกแบบไหน ส่วนใครจะซื้อเท่าไหร่ ตนไม่สน และไม่หามประชาชนไม่ให้รับเงิน เรื่องนี้ตนขึ้นไปกราบเรียนชี้แจงกับหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยเรียบร้อยแล้ว ตนแพ้และได้กี่คะแนนก็ไม่เสียใจ แต่เป็นห่วงอนาคตประเทศชาติและรุ่นลูกหลานที่ต่อไปไม่จำเป็นต้องหาเสียง ไม่จำเป็นต้องทำความดีให้ปรากฏเหมือนในอดีต ขอแค่ร่ำรวยมีเงิน มีอำนาจก็จะได้เป็น ส.ส.ได้แล้ว และอาจจะใช้วิธีการประมูลตำแหน่ง ส.ส.กันไปเลย ผมให้ 20 ล้าน คุณให้ 30 ล้าน 40 ล้าน 50 ล้านคุณสูงสุดชนะเป็น ส.ส. แล้วประชาธิปไตยเมืองไทยจะเป็นอย่างไร” พล.ต.ต.เชาวศิลป์ กล่าวในที่สุด
ไพฑูรย์ อินทศิลา/นครศรีธรรมราช